ในปี 2025 เทรนด์การทำงานยังคงเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง คนรุ่นใหม่อย่าง Gen Z เริ่มมองหาความยืดหยุ่นในการทำงาน ไม่เน้นการเข้าไปทำงานที่ออฟฟิศทุกวัน เราอยู่ในยุคดิจิทัลที่สามารถเข้าถึงเทคโนโลยี ข่าวสาร ข้อมูลความรู้ต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็วทุกที่และทุกเวลา ทำให้ลักษณะการทำงานแบบ Remote Working หรือ Work from anywhere ได้รับความนิยมเพราะสามารถทำงานที่ไหนก็ได้! และยังสะดวกสบายในการจัดสรรเวลาทำงานได้เอง ซึ่งเป็นการทำงานอย่างอิสระและมีความยืดหยุ่นตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนยุคดิจิทัลเป็นอย่างมาก
เหตุผลที่ Remote Working ได้รับความนิยมในหมู่ Gen Z
- Work-Life Balance หรือความยืดหยุ่นในการทำงาน Work-Life Balance คำฮิตติดปากของ Gen Z ที่ให้ความสำคัญกับสมดุลระหว่างการทำงานและการใช้ชีวิตเพื่อลดผลกระทบจากการแบกรับภาระงานที่มากจนเกินไปให้อยู่บนความพอดี ทำให้หลายคนต้องการการทำงานที่มีความยืดหยุ่นมากขึ้น มีความเป็นอิสระ สามารถบริหารจัดการเวลาของตัวเองได้เพื่อให้ได้งานที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
- การเลือกสถานที่ทำงาน ก่อนจะเริ่มทำงานที่ได้รับมอบหมายนั้น การเลือกสถานที่ทำงานก็เป็นสิ่งสำคัญ หลายคนเลือกไปนั่งทำงานคาเฟ่ Co-Working Space สถานที่สุดฮิตของวัยทำงาน อาจช่วยให้ไอเดียใหม่ ๆ กระตุ้นให้เกิดตวามคิดสร้างสรรค์ หรือแรงบันดาลใจ (Inspiration) ในการเริ่มทำอะไรแปลกใหม่ และลดความเครียดมากกว่าการอยู่ในสภาพแวดล้อมเดิมซ้ำ ๆ ทุกวัน
- เทคโนโลยีที่รองรับการทำงาน เนื่องจากทำงานระยะไกลไม่ว่าจะเป็นการเข้าร่วม Meeting การสื่อสารอย่างไรให้มีประสิทธิภาพ เพียงแค่มีสัญญาณอินเทอร์เน็ตดี ๆ ใช้เทคโนโลยีในเกิดประโยชน์ช่วยอำนวยความสะดวกให้สามารถติดต่อสื่อสารกับเพื่อนร่วมงาน หรือลูกค้าได้รวดเร็ว เช่น Microsoft Teams, Zoom, Google Meet เป็นต้น เครื่องมือเหล่านี้ช่วยให้สามารถพูดคุยกันแบบเรียลไทม์ ใช้ง่าย สะดวก สื่อสารได้ราบรื่นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
สรุปแล้ว Remote Working ไม่ใช่แค่เทรนด์ตามกระแส แต่เป็นการทำงานอิสระและมีความยืดหยุ่น คนทำงานลักษณะนี้จะต้องจัดสรรเวลาของตัวเองให้ดี มีวินัย มีความรับผิดชอบในงานที่ได้รับมอบหมายให้ทันตามเวลาที่กำหนด เพื่อให้สามารถทำงานที่ไหนก็ได้เพราะสุดท้ายแล้วต่างเน้นที่ผลลัพธ์และประสิทธิ์ภาพที่ได้จากงานเป็นหลัก และหากองค์กรไหนที่สามารถปรับตัวกับการทำงานแบบนี้ได้ก็มีแนวโน้มที่จะดึงดูดคนวัยหนุ่มสาวชาว Gen Zให้ความสนใจอยากทำงานด้วยก็ได้
